🏞 Yellowstoner 2022

--

ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมได้ไปอาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลกใบนี้

ภาพจากฟิล์มที่ 52 Old Faithful

แสงพระอาทิตย์ลอดผ่านมู่ลี่อันเก่า ๆ ปลุกผมเพื่อไปวิ่งระยะทางประมาณ 2 ไมล์ จากหอที่ผมอยู่ไปจนถึงบ่อน้ำพุร้อนที่ไกลที่สุดในหมู่บ้านที่ชื่อ Morning Glory Pool ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ผมว่าเหมือน Grand Prismatic Pool แต่เป็นขนาดไซส์มินิ ระหว่างวิ่งหลายครั้งผมใช้เวลาในการคิดถึงบ้าน แต่บางวันผมก็มีสมาธิมาก ผมไม่เสียบหูฟัง ผมฟังเสียงธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ เสียงนกขับร้องที่ไม่คุ้นหูแต่มีความไพเราะ ผมแทบไม่เจอใครเลย มีแค่ผมคนเดียวจนบางวันผมรู้สึกกลัวว่าจะมีสัตว์ป่าพุ่งเข้ามาทำร้ายผม ยิ่งได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูแล้ว ผมรีบวิ่งกลับหอพักของผม

ผมวิ่งกลับไปที่โรงอาหารเป็นจุดที่คนภายนอกไม่มีวันเข้ามาได้ ข้างในโรงอาหารให้อารมณ์เหมือนซีนโรงอาหารในโรงเรียนของวัยรุ่นอเมริกาไม่มีผิด ก็ใช่น่ะสิเราอยู่ประเทศอเมริกา ถาดสีน้ำเงินเข้มถาดเดิมเปลี่ยนแค่อาหารในทุก ๆ วัน แก้วสีส้มใสกับโกโก้รสชาติหวานฉ่ำ กับเพื่อนพนักงานที่ใส่ชุดเป็นเชฟ

โรงอาหารอยู่ติดหอพักที่อาศัยอยู่ ผมก้าวเดินกลับมาไม่กี่ก้าวเพื่อกลับมาอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเตรียมปฏิบัติหน้าที่ หมวกแก๊ป เสื่อลายทางสีฟ้าอ่อน และสีผ้ากันเปื้อนสีกรมท่าเข้ากันอย่างลงตัว ผมสวมรองเท้ากันน้ำคู่ใจเดินฝ่าหิมะ ฝ่าก้อนหิน เพื่อเข้างาน ระหว่างทางผมจะพบกับไบซันที่มากินหญ้าเป็นประจำ 5–10 ตัว ผมเดินตัดลานจอดรถที่มีรถจอดอย่างหลวม ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรถบ้าน

บัตรพนักงานเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ตรอกเวลาเข้างาน ผมพกมันติดตัวทุกครั้งไม่เคยลืม ผมถอดเสื้อกันหนาวแล้วใส่ลงในกระเป๋าเพื่อนำไปเก็บไว้ในล็อคเกอร์ แล้วหยิบกระติกน้ำคู่ใจผลักประตูหลังครัวแล้วเริ่มทำงาน ผมทำงานเป็นพนักงานห้องอาหารหน้าที่ที่ผมทำคือตั้งแต่ล้างจาน เก็บจาน จนกระทั่งไปตักอาหารให้แขก

ผมเชื่อว่าหลายคนรวมทั้งผมคงอยากให้เวลาทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่หลายครั้งพอดูเวลามันก็เดินช้าเกินไป ผมเลือกที่จะใช้เวลาระหว่างทำงานคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมชอบกวนตีนพวกเขา โดยเฉพาะคนที่ดูตั้งใจทำงาน หรือซีเรียสกับการทำงานผมจะยิ่งไปชวนคุย เรื่องที่ผมคุยไม่มีอะไรมาก ผมแค่ถามเหมือนที่ผมถามกับที่ถามเพื่อนคนไทยว่า ทำไมถึงมาที่นี่ แล้วถ้าวีซ่าหมดจะไปทำอะไรต่อ หรือให้เขาสอนภาษาขำ ๆ พอพูดเล่น ๆ กันได้

ห้องอาหารที่ผมทำงานอยู่ติดกับ Old Faithful ซึ่งเป็นชื่อหมู่บ้านที่มาจากชื่อน้ำพุร้อนที่มันจะพุ่งทุกครึ่งชั่วโมง ผมชอบตอนที่น้ำพุจะใกล้พุ่งเพราะช่วงนี้คนในห้องอาหารจะเดินออกไปดูน้ำพุทิ้งไว้เพียงจานข้าวและทิปที่พวกเราต้องเก็บ ผมชอบตอนเก็บจานแล้วมีแบงก์ห้าสิบดอลลาร์ซ่อนอยู่ใต้จาน ผมว่าผมเห็นน้ำพุนี้พุ่งไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง แต่ผมก็ไม่เบื่อที่เห็นมันพุ่งขึ้นมา เพราะมักจะตามมาด้วยเสียงตบมือ เสียงดีใจของนักท่องเที่ยว ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกดินแล้วล่ะก็ ผมว่า Old Faithful เป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดในชีวิตของผม บางวันผมเลิกงานเร็วผมก็ชอบไปนั่งตรงระเบียงที่มีเก้าอี้ไม้โยกอยู่แล้วนั่งดูผู้คนเฝ้าน้ำพุ

หลังครัวปิดเป็นช่วงเวลาอึดใจสุดท้ายที่ทุกคนจะต้องทำความสะอาดร้านให้สะอาดหมดจดพร้อมรับวันใหม่ จังหวะนี้เราไม่ต้องทำอะไรเรียบร้อยมากนักเพราะไม่มีแขกอยู่ ภาพเก้าอี้ถูกวางกลับบนโต๊ะทุกโต๊ะคือภาพที่ผมรอคอย เพราะแสดงว่าเรากำลังจะได้เลิกงาน หลังครัวถูกล้างด้วยน้ำยาพิเศษ ขยะชุดใหญ่มัดแล้วถูกคนสองคนแบกไปทิ้งที่ถังยักษ์ ทุกคนมีความสุข

นาฬิกาบอกเวลาประมาณสี่ทุ่ม ไม่มีไฟเปิดระหว่างทางเพื่อไม่รบกวนสัตว์ป่า เราถูกขู่ว่าอย่าเดินกลับคนเดียวเพราะมีหมาป่าดุร้ายจ้องจะเล่นงาน พวกเราเดินกลับหอฝ่าฟันลมหนาว บางวันมีหิมะตก แล้วบางวันฟ้าก็สว่างจนเราเห็นทางช้างเผือกชัดเจนแบบที่คิดว่าชาตินี้อาจจะไม่ได้เห็นชัดขนาดนี้อีกแล้ว ผมบรรยายความพิเศษของมันไม่ถูกเพราะว่าเคยเห็นแต่ในรูปถ่ายแต่ไม่เคยเห็นของจริง ผมแค่รู้สึกว่าโลกของเรามันเล็กมากถ้าเทียบกับจักรวาล แล้วเราก็ยิ่งเล็กลงไปอีก

ที่อุทยานต้องยอมรับว่าไม่ค่อยมีสัญญาณ และผมก็เป็นคนที่ไม่ได้ซื้อซิมมาเปลี่ยน หวังพึ่งเพียง WiFi ของอุทยานที่ไม่รองรับการใช้งานเท่าไร พวกเรามักจะชอบเดินมาแวะนั่งพักนั่งบนโซฟาสุดชิวหน้าเตาผิง เล่นมือถือที่ Snow Lodge หลังจากยืนมาทั้งวัน จนหลายครั้งพนักงานก็ต้องมาไล่พนักงานกันเอง

หลังจากเดินกลับหอ การอาบน้ำคือสิ่งแรกที่รีบทำหลังจากเนื้อตัวสกปรกมาทั้งวัน ก่อนนอนก็จะไปรวมที่ห้องของเพื่อน ๆ จิบเบียร์โคโรน่า บัดไลท์ สักกระป๋อง เล่นไพ่ก่อนเข้านอนรับวันถัดไป

--

--

Krit Kruaykitanon

👨‍💻 Software Engineer | 🐦 Bird Person | 🗺️ Traveller